บนสวรรค์ ลึกเข้าไปยังป่าโปร่งที่อุดมสมบูรณ์บนผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ ซึ่งเป็นเกาะล่องลอยอยู่กลางอากาศทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของภพ เกาะแห่งนี้คือ ราชอาณาจักรโอเชียเนีย
...นครหลวงแห่งภพ
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินเก็บพืชผักและผลไม้ซึ่งจะเป็นอาหารประทังชีวิตของเธอด้วยสภาพจิตใจที่หดหู่ ปริมาณพืชผักที่เธอถืออยู่นั้นบ่งบอกถึงจำนวนสมาชิกในครอบครัวของเธอได้เป็นอย่างดี แต่ความโดดเดี่ยวนั้นกลับไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เธอต้องรู้สึกเป็นทุกข์อยู่ในขณะนี้เลย
"เฮ้อ... " เสียงถอนหายใจยาวของเธอดังแว่วมาเป็นระยะๆ แต่ละก้าวที่เธอเดินไปนั้นดูไร้จิตวิญญาณและเลื่อนลอยเหมือนดั่งว่าร่างของเธอแทบไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่ ปีกสีขาวขนาดเล็กที่กลางหลังของเธอ ซึ่งพอเพียงแค่ใช้ประคองตัวบินไปด้วยความเร็วและความสูงค่อนข้างต่ำนั้นก็ห่อตัวลงตามสภาพจิตใจของผู้เป็นเจ้าของ ลมโชยเบาๆ พัดมาโดนเส้นผมที่สั้นแค่ต้นคอและเปียเล็กๆ ที่ถักพาดสองพวงแก้มของเธอให้พลิ้วไหวเล็กๆ เหมือนช่วยปลอบประโลม แต่ถึงแม้บรรยากาศรอบตัวนั้นจะสดชื่นสักเพียงใด...ก็ไม่อาจช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้อยู่ดี
สำหรับเธอแล้ว การค้นหาคำตอบที่จะช่วยไขข้อข้องใจที่เกิดขึ้นนั้น...มันช่างสิ้นหวังเสียเหลือเกิน
ความคิดของเธอต้องหยุดชะงักลงเมื่อเธอเหยียบลงบนก้อนกินก้อนหนึ่งเข้าอย่างจัง รองเท้าบางๆ ที่มีริบบิ้นพันขึ้นมารอบข้อเท้าไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกเจ็บน้อยลงแต่อย่างใด กลับกันเพราะความเจ็บนี้เองที่ทำให้ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในอกยิ่งท่วมท้นขึ้นมาอีก เธอโน้มตัวลงไปหยิบก้อนหินก้อนนั้นขึ้นมาแล้วบีบเบาๆ พลางครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง จนกระทั่งความรู้สึกของเธอมาถึงขีดสุด เธอขว้างมันออกไปด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เธอมีและร้องตะโกนด้วยเสียงอันดังก้อง
"ทำไม....ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย"
ด้วยแรงขว้างของเธอและลมที่พัดมาทำให้เจ้าก้อนหินลอยสูงจนลับหายไปจากสายตา ผืนป่าที่เธออยู่นั้นเป็นบริเวณสุดขอบแผ่นดินของอาณาจักรแห่งนี้ เจ้าก้อนหินที่ลอยละลิ่วตามลมจนกระทั้งเริ่มคล้อยต่ำจึงหลุดออกนอกแผ่นดินและตกลงไปยังเวิ้งอากาศว่างเปล่าด้านล่างของเกาะ ตามแรงโน้มถ่วงของภพด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
หมับ
เด็กผู้ชายคนหนึ่งคว้าก้อนหินนั่นเอาไว้ได้ก่อนที่มันจะตกใส่หัวของเขาจากด้านหลัง โดยที่ตัวเขาไม่ได้หันหน้ามองหรือขยับตัวเลยสักนิด น่าแปลกที่เด็กคนนี้ไม่ได้กางปีกและพื้นที่บริเวณที่เขายืนอยู่นั้นก็ไม่มีแผ่นดินรองรับอยู่แต่อย่างใด
เขาหันมองไปรอบๆ เพื่อหาที่มาของก้อนหินปริศนาก้อนนี้ด้วยความรู้สึกแปลกใจ ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเขามาก่อนและเขาเองก็คิดว่าคงไม่มีใครอาจหาญพอที่จะทำแบบนี้กับเขาได้เช่นกัน แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตามเขาก็เกิดความรู้สึกสนใจมันขึ้นมาเสียแล้ว เมื่อมองหาจนแน่ใจทิศทางของมันแล้ว เขาจึงมุ่งตรงไปยังทิศทางนั้นด้วยความเร็วสูงทันที
เด็กผู้หญิงคนเดิมที่รู้สึกเหนื่อยหอบจากการระบายอารมณ์นั้นได้ทิ้งตัวลงนั่งพักบนก้อนหินก้อนใหญ่ สิ่งที่เธอทำลงไปยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ลงกว่าเดิมเสียอีก เธอโน้มตัวลงไปซบหน้าลงกับหน้าตักของตัวเองพลางบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ วนไปเวียนมาหลายต่อหลายรอบ
"ทำไมกัน...ทำไมทุกคนถึงนิ่งเฉย ทำไมทุกคนถึงไม่รู้สึกอะไรบ้างเลย... " เด็กหญิงพูดพลางก้มหน้าลงเก็บก้อนหินขนาดเหมาะมือขึ้นมาอีกก้อน แววตาที่ดูสับสนและเศร้าหมองแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวและเจือด้วยอารมณ์ที่ครุ่นกรุ่น เธอค่อยๆลุกขึ้นยืนตัวตรง สายตาจับจ้องก้อนหินในมืออย่างแน่วแน่ แล้วขว้างออกไปในทิศทางเดิมด้วยแรงทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่
โป๊ก
เกิดเสียงประหลาดดังขึ้นในทิศทางที่เธอเพิ่งขว้างก้อนหินออกไปดังขึ้น คล้ายๆกับว่าก้อนหินที่เธอขว้างไปนั้นได้หลุดลอยไปกระทบกับอะไรบางอย่างเข้าแล้ว ด้วยความตกใจเพราะกลัวว่าก้อนหินเจ้ากรรมจะไปทำให้ใครบาดเจ็บเข้ารึเปล่า ทำให้เธอรีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางต้นเสียงอย่างรีบร้อน แต่บริเวณรอบๆ นั้นกลับไม่มีพบอะไรหรือใครเลยแม้แต่คนเดียว เธอหันมองไปทั่วจนกระทั่งแน่ใจว่าไม่มีใครแน่แล้วจึงคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาดไป
"เฮ้อ... นึกว่าจะเกิดเรื่องซะแล้วสิ" เธอคิดอย่างโล่งใจก่อนจะออกเดินต่อไปยังทิศทางที่ตั้งใจไว้พร้อมๆกับจิตใจที่ค่อยๆถูกความสับสนและว้าวุ่นครอบงำอย่างสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง...
.............................................................................................................................
แต่ใครจะรู้เลยว่ามีเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิต รวมทั้งอนาคตของใครหลายๆคนเกิดขึ้นในชั่ววินาทีที่ผ่านเลยไปนั้น
เด็กชายที่ตั้งใจจะหาแหล่งที่มาที่ไปของก้อนหินปริศนาในตอนแรก กลับถูกก้อนหินที่พุ่งตรงมาด้วยความแรงกระทบเข้าที่ศีรษะเข้าอย่างจัง ความแรงของก้อนหินบวกกับความเร็วที่เด็กชายใช้ ทำให้แรงกระแทกที่เกิดขึ้นนั้นเพิ่มมากเป็นเท่าทวี ผลลัพธ์ที่ได้ไม่รุนแรง แต่ก็นับได้ว่ามันทำให้เกิดเหตูอันร้ายแรงยิ่ง แม้ว่าผลของหินก้อนนั้นจะเพียงทำให้เด็กชายสลบไป แต่เนื่องจากเค้ากำลังอยู่ในอากาศที่ปราศจากสิ่งรองรับ แม้มังกรสีทองขนาดใหญ่จะอยู่ใต้เท้าของเค้า แต่การที่เด็กชายเซตกลงไปด้วยความเร็วของสายลมพัดผ่านเพียงวูบเดียวนั้น ไม่อาจทำให้เจ้ามังกรรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติใดๆได้เลย
และกว่าที่สัตว์สวรรค์แสนสวยจะรู้ตัว ก็เป็นตอนที่เจ้านายตัวน้อยกำลังลอยละลิ่วลงไปด้วยความเร็วสูงจนตามไม่ทันไปซะแล้ว
.............................................................................................................................
ปัง
"พี่ไวท์" เด็กชายตัวน้อยเปิดประตูบ้านและตรงรี่เข้ากอดพี่สาวของตนด้วยความคิดถึง
"บะ แบล็คหรอ น้องรัก"เด็กหญิงก้มลงกอดน้องหลังจากยืนนิ่งงันด้วยความตกใจระคนแปลกใจไปเสียพักใหญ่
หลังจากหายตกใจแล้ว ความสงสัยก็เข้ามาแทนที่ในความคิดของทุกคนในครอบครัวอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั่งลงซักถามที่มาที่ทำให้น้องเล็กของบ้านกลับมาก่อนเวลาอันสมควร ทั้งๆที่ได้รับเลือกให้ไปฝึกเพื่อภารกิจและอนาคตอันสำคัญของภพแล้ว คำตอบที่ได้กลับมานับเป็นเรื่องที่สั่นคลอนขวัญและกำลังใจประชาชนภายในภพเป็นอย่างยิ่ง
"คือตอนนี้บุตรชายของท่านพระเจ้าได้ดับสูญไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน มีผู้ไปพบเห็นร่างของท่านอยู่ที่เส้นเขตแดนของราชอาณาจักรเรา เราคาดเดากันว่าอาจเป็นฝีมือของศัตรูจากภายนอก ร่างกายของท่านมีแต่รอยฟกช้ำ อวัยวะภายในก็เสียหายคล้ายกับตกลงมาจากที่สูง แต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อท่านสามารถบินได้ดีเยี่ยม หนำซ้ำยังมีมังกรทองอยู่กับตัวอีก" เด็กน้อยเล่าเหตุการณืพร้อมข้อสันนิษฐานให้พี่สาวของตนรับรู้
'เมื่อวาน' เด็กหญิงรับรู้ข่าวด้วยความตกใจ พลางคิดไปถึงเรื่องเมื่อวานว่าทำอะไรอยู่ถึงไม่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งๆที่ป่าที่ตนเข้าไปก็อยู่เกือบสุดเขตแดน และตนน่าจะได้ยินเสียงการต่อสู้อะไรบ้าง
จู่ๆ เด็กหญิงก็พลันนึกถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับตนเมื่อวานได้ "เสียงประหลาดนั่น" เด็กหญิงรำพันขึ้นในใจ "รึว่า"
.................................60%.............................................................
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น